ความคิดเห็นที่มีต่อสิ่งที่เรียนรู้ : เนื่องจากช่วงนี้อากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย การดูแลรักษาสุขภาพเด็กจึงเป็นส่วนสำคัญอย่างยิ่งเพราะเด็กในวัยนี้จะมีภูมิคุ้มกันน้อย สามารถรับเชื้อโรคต่างๆเข้าสู่ร่างกายได้ง่าย
ทฤษฎี/แนวคิดที่เกี่ยวข้อง : ปัญหาด้านสุขภาพ
ลักษณะของเด็กที่มีปัญหาด้านสุขภาพมีหลายสาเหตุดังนี้
- ขาดสารอาหารและเติบโตช้า
- ร่างกายอ่อนแอ เจ็บไข้ได้ป่วยได้ง่าย
- เป็นโรคอันเกิดจากการติดเชื้อ
- มีโรคแทรกซ้อน
- มีอาการแพ้ หรือเป็นโรคภูมิแพ้
- อาเจียน
- มีอาการชัก
- หมดสติ
- หยุดหายใจ
- โครงสร้างร่างกายและพัฒนาการด้านต่างๆ ไม่สมวัย
- มีปัญหาทางสุขภาพเรื้อรัง
- จัดเตรียมอุปกรณ์ปฐมพยาบาลให้พร้อมในทุกห้องเรียน
- เข้ารับการฝึกอบรมการปฐมพยาบาล และการช่วยฟื้นคืนชีพ (CPR)
- ฝึกซ้อมสถานการณ์จำลอง เพื่อความพร้อมของบุคลากรภายในโรงเรียนในการรับมือกับเหตุการณ์ฉุกเฉินต่างๆ
- ตรวจสอบสภาพอุปกรณ์ภายในห้องเรียนเป็นประจำอย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง
- ตรวจสอบห้องเรียนและพื้นที่โดยรอบโรงเรียน โดยหากมีจุดที่อาจเป็นอันตรายต่อนักเรียน ครูควรแจ้งฝ่ายที่เกี่ยวข้องให้ดำเนินการแก้ไข
- เมื่อจะนำนักเรียนประกอบกิจกรรมใดๆ ครูควรเฝ้าระวังให้เด็กอยู่ในสายตาตลอดเวลา รวมถึงเตรียมความพร้อมให้กับนักเรียนล่วงหน้า เมื่อต้องเริ่มทำกิจกรรมใหม่ที่ไม่เคยทำมาก่อน เช่น สอนให้เด็กรู้จักวิธีการใช้ รวมถึงลองใช้เครื่องมือในการเพาะปลูก ก่อนที่จะให้เด็กลงมือเพาะปลูกจริง
- สอนให้เด็กรักษาความสะอาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งการล้างมืออย่างถูกวิธี ทั้งก่อนและหลังรับประทานอาหาร รวมถึงหลังจากทำกิจกรรมที่ต้องใช้มือเป็นหลัก
- คำนึงถึงการรับมือกับสภาพภูมิอากาศ เช่น หากอากาศร้อนและนักเรียนจำเป็นต้องทำกิจกรรมนอกห้องเรียน ควรจัดให้นักเรียนสวมหมวก เป็นต้น
- ศึกษาข้อมูลทางด้านสุขภาพของนักเรียนทุกคน เพื่อให้สามารถตอบสนองต่อความต้องการ และข้อจำกัดที่ต่าง กันของเด็กแต่ละรายได้อย่างเหมาะสม
- เนื่องจากปัจจัยเสี่ยงที่อาจทำลายสุขภาพและร่างกายของนักเรียนนั้นมีหลากหลายประการ อีกทั้งยังอาจเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ดังนั้นครูจึงควรร่วมมือกับผู้ปกครอง รวมถึงแพทย์ ผู้เชี่ยวชาญ และหน่วยงานในชุมชนที่เกี่ยวข้อง เพื่อหาหน ทางในการลดและควบคุมปัจจัยเสี่ยงดังกล่าว
แนวทางปฏิบัติจากความรู้ใหม่ : ในการป้องกันไม่ให้เชื้อโรคจากเด็กคนหนึ่งแฟร่ไปหาเด็กอีกคนหนึ่งนั้นครูสามารถทำได้โดยวิธีการต่างๆ เช่น
1. ตรวจอาการเด็กแต่ละคนในช่วงเวลาที่เข้าโรงเรียน/ห้องเรียน หากมีอาการ ไอ จาม มีน้ำมูกก็ต้องพาไปรักษา
2.หากเด็กอยู่ในห้องเรียน เด็กยังมีอาการควรแยกเด็กออกจากเพื่อนๆ /พาไปห้องพยาบาล / โทรให้ผู้ปกครองมารับ เพื่อป้องกันการติดเชื้อโรค
3.ครูหมั่นให้เด็กล้างมือ เพื่อรักษาความสะอาดและป้องกันเชื้อโรคเข้าสู่ร่างกายอีกทางหนึ่ง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น